วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Hello Bali

1 - 4 พฤษภาคม 2553
วุ่น ๆ อยู่ไม่ทันไร  รู้สึกตัวอีกที ก็ถึงบาหลีเสียแล้ว....


เป็นการเดินทางแบบตั้งตัวแทบไม่ทันอีกครั้ง
เมื่ออยู่ ๆ เพื่อนร่วมทางต้องการไปบาหลีแบบด่วน ๆ
"ด่วนแบบนี้ไปเองคงลำบาก ไปกับทัวร์แล้วกัน" ความเห็นตรงกันสองฝ่าย
แม้ภายใต้เวลาที่จำกัดเพียงไม่ถึงสัปดาห์ เรารวบรวมโปรแกรมทัวร์ที่น่าสนใจมาได้หลายโปรแกรม ตัดสินใจเลือกโปรแกรมที่ดีที่สุด แพงหน่อยไม่เป็นไร คุ้มออก  ไหน ๆ ก็ไปตั้งอินโดนีเซีย แล้วเที่ยวให้ทั่วประเทศเลยแล้วกัน

แต่... โอ้แม่เจ้า เมื่อสอบถามทัวร์ใด ก็ได้รับคำตอบเดียวกัน "เต็มค่ะ"
จากเป้าหมายหลักคือ บาหลี ลอมบก บุโรพุทโธ ยอมลดสเป็คลงตั้งมากมายเหลือเพียงแค่บาหลีเพียงอย่างเดียวก็ไม่มีทัวร์ไหนยอมให้พวกเราไปด้วย



ขณะฝันกำลังจะสลาย เพื่อนร่วมทางบอกเล่าข้อเสนอจากบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง จับใจความได้ว่า จะจัดทัวร์ให้โดยในราคาที่จ่ายรวมค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ค่าที่พัก ค่าอาหาร แต่มีข้อแม้คือต้องเดินทางไปกลับเอง  เครื่องหมายคำถามลอยไปลอยมาเต็มไปหมด จะเที่ยวอย่างไร ไปรวมกับกลุ่มทัวร์ที่นั่นหรือ ที่พักเป็นอย่างไร แล้วที่สำคัญถ้าไปถึงสนามบินที่บาหลีแล้วไม่มีใครมารับ จะทำอย่างไร  ช่างเป็นการเดินทางที่น่าสนุกบนความไม่แน่นอนเสียนี่กระไร แต่เมื่อน้ำเสียงของเพื่อนที่เคยร่วมเดินทางแสดงถึงความเชื่อมั่น ก็จะเป็นไรไป ในเมื่อขาสองข้างพร้อมจะเดินทางแล้วนี่นา ...


วุ่น ๆ อยู่ไม่ทันไร  รู้สึกตัวอีกทีก็ถึงบาหลีเสียแล้ว เราได้รับการต้อนรับที่น่ารักด้วยพวงมาลัยดอกลั่นทมจากสาวน้อยในชุดพื้นเมือง  และหมวกสานจากไกด์ท้องถิ่น ชื่อ Mr.Vincent  นั่นหมายถึง เราประสบความสำเร็จไปหนึ่งขั้น อย่างน้อยก็มีคนมารับแล้ว Vincent นำเราไปยังรถที่จะพาเราไปเที่ยว เป็นรถยนต์ 7 ที่นั่ง ไม่มีนักท่องเที่ยวอื่นใด นอกจากฉันและเพื่อน สรุปแล้วตลอดทริปนี้มีนักท่องเที่ยวสองคน ไกด์หนึ่งคน และคนขับรถอีกหนึ่งคน เท่านั้นเอง


Uluwatu Temple
สถานที่แรกที่ Vincent พาไปเยือนอันดับแรก Uluwatu เป็นวัดฮินดูที่ตั้งอยู่บนยอดเขาติดทะเล ถือว่าเป็นวัดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะบาหลี บริเวณวัดเต็มไปด้วยต้นลั่นทมเก่าแก่ และลิงน้อยใหญ่ ต้องคอยระมัดระวังตัวเองให้มาก เพราะลิงมือไวพร้อมที่จะแย่งชิงสมบัติของพวกเราตลอดเวลา
ถ้าจะให้ดีถือกิ่งไม้ติดมือไว้สักอัน จะมีความปลอดภัยมากขึ้น


อีกมุมสวยของ Uluwatu Temple โชคดีที่เป็นวันฟ้าใสไร้เมฆฝน ฟ้าสีฟ้า น้ำทะเลสีคราม
ที่นี่เป็นจุดชมวิวยามเย็นที่สวยงามมาก ผู้คนนิยมมาชมพระอาทิตย์ตกแต่พวกเรามายามเที่ยง แสงแดดจ้า สีของฟ้า และน้ำทะเล ก็งามไร้ที่ติไม่น้อยไปกว่ากัน


สถานที่เดียวกันเพียงแค่หันกลับมาอีกด้าน แล้วมองไปด้านล่าง จะพบภาพสวยงามในอารมณ์ตรงกันข้ามจากทะเลสงบนิ่งสีครามเข้มตัดขอบฟ้า กลายเป็นคลื่นลูกใหญ่สาดซัดตัวเองเข้าหาฝั่งซึ่งเป็นหน้าผาสูงชันเกิดเป็นฟองขาวฟูฟ่องสวยงาม

Barong Dance 
เช้าวันที่สอง Vincent พาเราไปยังหมู่บ้านบาตูบูรัน เพื่อไปชม Barong Dance เป็นศิลปวัฒนธรรมของบาหลีที่สวยงามแปลกตา ด้วยท่วงท่า ลีลา การร่ายรำ และการแสดงออกทางสีหน้าของนักแสดง ที่ต่างจากรำไทยของบ้านเรา ทำให้เราตื่นตาตื่นใจไม่น้อย

เรื่องราวของการแสดงนั้นเกี่ยวกับตำนานเทพเจ้าทางด้านความดี และ ความชั่วร้ายต่อสู้กัน
ซึ่่งแน่นอนว่าธรรมะย่อมชนะอธรรมในท้ายที่สุด

สถานที่แสดงเป็นอาคารเปิดโล่ง ลมพัดเย็นสบาย ตีตั๋วแล้วเลือกนั่งได้ตามใจชอบ ผู้ชมส่วนใหญ่เป็นต่างชาติชาวตะวันตก หน้าตาชาวเอเชียอย่างพวกเรามีบ้าง แต่ไม่มากนัก

Kintamani
หลังชม Barong Dance เรามุ่งหน้าสู่ Kintamani ที่ตั้งอยู่ระดับความสูง 1,500 เมตร อากาศจึงเย็นสบายตลอดเวลา บริเวณนี้สวยงามด้วยทะเลสาบ และภูเขาไฟหลายลูก

Vincent พาเราไปรับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา วิวสวยสุดยอด ภายในภัตตาคารก็ใช่ย่อย โต๊ะอาหารสีสันจัดจ้าน Vincent เลือกที่นั่งในจุดที่ดีที่สุดให้พวกเรา เมื่อวางสัมภาระเสร็จ ฉันและเพื่อนถือกล้องวิ่งถ่ายรูปไปมา จน Vincent ต้องเรียกให้ไปตักอาหารก่อนที่นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่จะมาถึง

เราตัดใจวางกล้องถ่ายรูป เปลี่ยนไปถือจานเพื่อตักอาหาร Vincent แนะนำให้วางจานเสีย แล้วหยิบกระจาดสานใบเล็ก ๆ วางทับด้วยกระดาษยื่นให้ใช้แทนจาน ชอบใจจังเพราะไม่เคยเห็นภาชนะใส่อาหารแบบนี้มาก่อน อาหารมื้อนี้เป็นบุฟเฟต์ ฉันเลือกตักอาหารพื้นเมือง บางอย่างรู้จัก หลายอย่างไม่รู้จัก ตักรวม ๆ กัน ก็ได้ออกมาเป็นหน้าตาแบบนี้





















Tempak Siling 
ในวันเดียวกัน เราเดินทางต่อไป วิหารศักดิ์สิทธิ์ Tempak Siling เป็นวิหารที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา 

ภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์ ในลานกว้างมีชาวบาหลีจำนวนหนึ่งกำลังประกอบพิธีกรรมกัน ในรูปจะเห็นได้ว่าผู้ที่เข้ามาในวัด หรือสถานที่ทางศาสนาต้องแสดงการเคารพ ด้วยการคาดผ้าที่เอว เมื่อเข้าวัดแรก ฉันกับเพื่อนทำหน้างง ๆ เมื่อ Vincent ยื่นผ้าให้ สงสัยว่าต้องใช้ทำอะไร แต่ต่อมาก็ชิน อ้อ!! รู้แล้ว

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่มีต้นน้ำมาจากภูเขาไฟ ชาวบาหลีเชื่อกันว่าถ้าได้อาบจะช่วยให้รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้และทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ฉ้นรองน้ำที่ไหลลงมา แตะ ๆ ที่แก้ม เย็นดีจัง

Ubud
เมื่อเอ่ยถึง Ubud ก็ต้องนึกถึงทุ่งนาขั้นบันได เราไม่ได้แวะอย่างเป็นทางการ  เพียงแค่คุณลุงคนขับรถชะลอเปิดกระจกให้ถ่ายรูปในจุดชมวิวสวย ๆ

ระหว่างลั่นชัตเตอร์  หญิงสาวชาวบาหลีเข้ามานำเสนอสินค้าถึงที่ ฉันไม่เห็นหน้าตาของเธอ เข้าใจว่าเธอคงต้องการนำเสนอสินค้ามากกว่าหน้าตาของเธอ

Bedugul
เช้าวันที่สาม เดินทางไปเทือกเขา Bedugul เป็นเทือกเขาสวยงาม ที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ระหว่างทาง มีชาวบาหลีตั้งแผงขายผลไม้เป็นระยะ ๆ 
แวะทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารบรรยากาศดีริมทะเลสาบ วันนี้ฝนตกพรำ ๆ ตลอด Vincent ถามจะไป Ulun Danu Beratan หรือไม่ เพราะอากาศไม่ค่อยดีแต่ไหน ๆ ก็มาแล้วนี่ ไปหน่อยเถอะ น่าตกใจที่ขับรถไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงแล้ว
ที่สำคัญคือ ถ้าไม่มาคงพลาดสิ่งที่สำคัญไป เพราะ Ulun Danu Beratan หรือสวนสวรรค์ มีบริเวณกว้างขวาง จัดตกแต่งได้งดงาม มีดอกไม้สวย ๆ มากมาย  อีกทั้งวัดบาหลีที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ ที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาสวย รวมกับหมอกลอยต่ำในวันฝนพรำ ทำให้เรานึกโกรธ Vincent เล็ก ๆ ในใจ

อีกมุมหนึ่งของ Ulun Danu Beratan  เราใช้เวลาถ่ายรูปกันอยู่พักใหญ่ จึงเดินทางไปจุดหมายต่อไป

Taman Ayun
เป็น 1 ใน 6 ของวัดที่สวยงามที่สุดในบาหลี เป็นวัดหลวงแห่งราชวงศ์เม็งวี (Mengwi) ใช้ในการ ประกอบพิธีกรรมของราชวงศ์ วัดนี้มีพื้นที่เป็นสี่เหลี่ยม  และมีสระน้ำล้อมรอบบริเวณวัดที่สวยงาม

อุปสรรคการเที่ยววันนี้คือฝน พรำ ๆ หยุด ๆ ตลอดเวลา ถ้าฟ้าใสแดดสวย คงได้รูปสดใสมากกว่านี้ แม้กระนั้น ฉันและเพื่อนยังถ่ายรูปกันอย่างไม่หยุดยั้ง จน Vincent แปลกใจ

Vincent ยิ่งแปลกใจมากขึ้น เมื่อเพื่อนร่วมทางของฉันหยิบโปสการ์ดที่ซื้อมาจากมาตลาดกลางคืนเมื่อวาน ขึ้นมาทาบกลางอากาศเพื่อหาพิกัดเดียวกับโปสการ์ด เราสองคนพยายามอย่างยิ่งที่จะได้รูปเหมือนมืออาชีพถ่ายในโปสการ์ด  เราเข้าใจไปกันเองว่า รูปที่ถ่ายได้นั้น "สวยจริง ๆ"

Vincent เริ่มอดรนทนไม่ได้ในพฤติกรรมของพวกเรา จึงเอ่ยปากขอนำกล้องขึ้นมาถ่ายภาพบ้าง การประกวดประชันภาพถ่ายจึงเกิดขึ้นระหว่างหญิงไทย 2 คน กับไกด์ทัวร์ท้องถิ่น แน่นอน....น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เชื่อว่า Vincent คงขาดความมั่นใจไประยะหนึ่ง

Tanah Lot Temple
วิหาร Tanahlot  หรือวิหารงูอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดู สร้างไว้เพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งมหาสมุทร
มุมหนึ่งเป็นวิหารบนโขดหินรูปร่างแปลกตา สถานที่นี้เป็นที่ชมพระอาทิตย์ตกเช่นเดียวกัน แต่วันนี้ฟ้าครึ้มไม่มีแสงอาทิตย์เลย

ส่วนอีกด้านหนี่งเป็นวิหารที่ยื่นออกไปทะเลเช่นเดียวกัน พวกเราไม่ได้เดินลงไปถึงข้างล่างเพราะผู้คนมาก เนื่องจากมีพิธีกรรมอะไรสักอย่างในวันนั้น ประกอบกับคลื่นลมแรง อีกทั้งต้องรีบเดินทางไปโรงงานกาแฟอีกแห่งหนึ่ง

Coffee Factory
มาถึงโรงานกาแฟก็เย็นย่ำ โชคดีที่ยังมีเจ้าหน้าที่ของโรงงานรอพวกเราอยู่ ไม่รีรอให้เสียเวลา เราถูกเชื้อเชิญให้นั่งรับฟังความรู้เกี่ยวกับกาแฟของบาหลี ได้ยินมานานเกี่ยวกับกาแฟราคาสุดแพงที่เก็บมามูลของชะมด เพิ่งจะเห็นกับตาวันนี้เอง ถือเป็นของดีของบาหลีเลยทีเดียว และเพิ่งรู้อีกเช่นเดียวกันว่ากาแฟก็มีเพศชาย (Male) และหญิง (Female)เหมือนมนุษย์เลย เมล็ดกาแฟเพศชายจะมีราคาแพงกว่าเพศหญิง เพราะมีปริมาณผลผลิตที่น้อยกว่า

และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง กาแฟอุ่น ๆ ตั้งอยู่ตรงหน้า ก็ถึงเวลาชิม รสชาติดีสมคำร่ำลือ จึงซื้อกลับมาฝากเพื่อนพ้องให้ชิมกันถ้วนหน้า  ทันทีที่ก้าวออกจากโรงงาน ได้ยินเสียงประตูปิดตามหลังมา สรุปเราเป็นลูกค้ารายสุดท้ายของวันนี้

มื้อค่ำสุดท้าย Vincent พาเราไปยังร้านอาหารริมทะเลสุดโรแมนติก ระหว่างรออาหาร เราได้ออกไปเดินเล่นชายหาด ไม่ยอมกลับสักที จนพนักงานร้านอาหารต้องออกมาตาม "ไปกินข้าวได้แล้ว" แปลเป็นไทยได้ความเช่นนั้น

อาหารทะเลพร้อมน้ำมะพร้าวสด ๆ ในลูกมะพร้าวคนละชุด รอเราอยู่บนโต๊ะอาหาร แม้ร้านมีบรรยากาศดี แต่ใช้เวลาไม่นานในการจัดการอาหารทั้งหมด

ระหว่างทางกลับที่พัก Vincent ร่ำลาพวกเราด้วยเสียงเพลง 2-3 เพลง
Vincent ขอร้องมากกว่านั้น แต่ถูกพวกเราห้ามไว้ก่อน เข้าใจว่า Vincent คงขาดความมั่นใจอีกครั้ง

Mr.Vincent
ไกด์ทัวร์ที่คอยดูแลพวกเราเป็นอย่างดีราวกับลูกหลาน "ข้ามถนนให้ระวัง" "เจอคนหน้าตาดี ๆ อย่าไว้ใจนะ"  เขาบอกแบบนี้เสมอ ๆ


คนขับรถ
ลุงใจดีที่พาตะลอนทั่วเกาะบาหลี ลุงพูดน้อย แต่หัวเราะเยอะนะ


Good Bye Bali ....ลาแล้ว บาหลี

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ12 เม.ย. 2555 02:03:00

    กำลังจะไปค่ะ ขอบคุณนะคะ รูปสวยจัง

    ตอบลบ
  2. บาหลีเป็นที่ที่น่าสนใจมากค่ะ ถ้ามีโอกาสจะไปอีก .... เที่ยวให้สนุกนะคะ ^^

    ตอบลบ